โรคหอบหืด ( Asthma) เป็นโรคเรื้อรังของระบบทางเดินหายใจที่ทำให้หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด ไอ และแน่นหน้าอก เกิดจากการอักเสบ และตีบแคบของทางเดินหายใจ ส่งผลต่อการไหลเวียนของอากาศ สร้างความยากลำบากในการหายใจ
โรคหอบหืด สามารถส่งผลกระทบต่อผู้คนทุกเพศทุกวัย แต่พบได้บ่อยในเด็ก ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคหอบหืด ได้แก่ ผู้ที่มีประวัติโรคภูมิแพ้ในครอบครัว ผู้ที่สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้หรือมลพิษทางอากาศ ผู้ที่ติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อยๆ และผู้ที่ออกกำลังกายในอากาศเย็นหรือแห้ง
2 ใน 3 ของเด็กที่เป็น โรคหอบหืด จะมีภาวะภูมิแพ้ร่วมด้วย
เด็กที่มี อาการหอบหืด ภูมิแพ้ เมื่อผู้ป่วยเด็กมีอาการทางจมูกมากขึ้น ก็จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการหอบมากขึ้นได้ และในทางตรงกันข้ามถ้าได้ควบคุมอาการของโรคทางจมูกได้ดี ก็จะทำให้อาการหอบหืดน้อยลงด้วย
สาเหตุของ โรคหอบหืด
สาเหตุของโรคหอบหืดนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อกันว่าเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม ร่วมกัน โดยปัจจัยเสี่ยงที่พบบ่อย ได้แก่:
- ประวัติโรคภูมิแพ้: บุคคลที่มีประวัติโรคภูมิแพ้ เช่น โรคไข้ละอองฟาง หรือโรคกลากมักมีโอกาสเป็นโรคหอบหืดมากกว่าบุคคลทั่วไป
- การสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้: สารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย ได้แก่ ฝุ่นละออง ขนสัตว์ ไรฝุ่น ควันบุหรี่ และมลพิษทางอากาศ
- การติดเชื้อทางเดินหายใจ: การติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่ หรือ RSV (Respiratory syncytial virus) อาจกระตุ้นให้เกิดโรคหอบหืดในเด็ก
- ออกกำลังกาย: การออกกำลังกายในอากาศหนาวเย็นหรือแห้งอาจกระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืด
อาการของ โรคหอบหืด
อาการของโรคหอบหืดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้ว อาการที่พบบ่อย ได้แก่:
- หายใจลำบาก
- หายใจมีเสียงหวีด
- ไอ
- หายใจลำบากตอนกลางคืน
- หายใจลำบากหลังออกกำลังกาย
- รู้สึกแน่นหน้าอก
- หายใจไม่สะดวก
- หายใจมีเสียงดัง
- หายใจถี่
- อาการคล้ายเป็นหวัด
- เหนื่อยง่าย
- นอนไม่หลับ
การวินิจฉัย โรคหอบหืด
แพทย์จะวินิจฉัยโรคหอบหืดโดยพิจารณาจากประวัติอาการ การตรวจร่างกาย และการทดสอบทางปอด การทดสอบที่พบบ่อย ได้แก่:
- การวัดการไหลเวียนของอากาศ (Spirometry): วัดปริมาณอากาศที่เข้าและออกจากปอด
- การทดสอบการท้าทายด้วย bronchodilator: ตรวจสอบว่าการหายใจดีขึ้นหรือไม่หลังจากสูด bronchodilator ยาขยายหลอดลม
- การทดสอบผิวหนัง: ตรวจสอบว่าแพ้สารก่อภูมิแพ้หรือไม่
- การตรวจวัดค่าออกซิเจนในเลือด: ตรวจสอบว่าระดับออกซิเจนในเลือด
แนวทางการรักษา
- ยาควบคุมโรค (Controllers) เป็นยาที่ใช้เพื่อควบคุมโรคต้องใช้สม่ำเสมอแม้ว่าจะไม่มีอาการประกอบด้วยยาพ่นสเตียรอยด์ (inhaled corticosteroids) เป็นยาหลักที่ใช้ในการรักษาโรคหืดโดยเฉพาะ และเป็นยาที่ปลอดภัย เพราะมีผลข้างเคียง แต่ก็อาจมีอาการข้างเคียงตามมาได้ เช่น เสียงแหบและมีฝ้าขาวในปากจากเชื้อรา ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยบ้วนปากทุกครั้งหลังพ่นยาด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือ
- ยาขยายหลอดลม หรือ ยาบรรเทาอาการ (relievers) จะใช้เฉพาะเวลาที่มีอาการหอบเท่านั้น อาการข้างเคียงของยากลุ่มนี้คืออาจจะมีใจสั่น มือสั่นบ้าง
ยาพ่นเป็นยาที่ดี เพราะเป็นยาที่ใช้เฉพาะที่ ได้ผลดีและปริมาณยาที่ใช้มีขนาดต่ำมาก ทำให้มีอาการข้างเคียงน้อยกว่ายากิน ปัจจุบันการรักษาจึงนิยมใช้ยาชนิดสูดพ่นเป็นหลัก
ช่องทางในการติดต่อสามารถติดต่อได้ทาง


